ลักษณะของเรือนเพาะชำในรูปแบบต่างๆ ที่ใช้และไม่ใช้แสลนกรองแสง

23

เรือนเพาะชำแบบไม้ระแนง (Lathhouse) เป็นโครงสร้างที่มีการพรางแสงหลังคา ให้สำหรับพืชที่ปลูกในกระถางหรือต้นที่ย้ายปลูกใหม่ที่ต้องการการเอาใจใส่มาก นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีอากาศไม่หนาวจัด มักมีโครงสร้างเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความสูงอย่างน้อยประมาณ 3 เมตร หลังคานิยมใช้ไม้ระแนง 1×1 นิ้ว วางสลับอันเว้นอันหรือตามความต้องการในการพรางแสง อาจใช้วัสดุอื่นๆ ทำหลังคาก็ได้ เช่น แสลนกรองแสง ซึ่งเป็นวัสดุมีน้ำหนักเบา ติดตั้งได้ง่ายและราคาไม่แพง เป็นที่นิยมใช้กันอย่างมากในปัจจุบัน

เรือนเพาะชำแบบกระจก (Glasshouse) จำเป็นมากสำหรับในเขตที่มีอากาศหนาวเย็น จำเป็นต้องมีการปรับอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้ต้นพืชเติบโตผ่านฤดูหนาวไปได้ และนอกจากนั้นยังต้องสามารถปรับสภาวะต่างๆ ให้เหมาะสมได้ เช่น การระบายอากาศและความชื้น การให้ปุ๋ยไปพร้อมกับน้ำ การเพิ่มจำนวนชั่วโมงแสงต่อวัน การปรับความเข้มแสงของหลังคา การให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มและอื่นๆ สำหรับโครงสร้างโรงเรือนนั้นต้องมีความแข็งแรงสำหรับ รับน้ำหนักกระจกที่ใช้ทำหลังคาได้ ถึงแม้ว่าโรงกระจกจะใช้งานได้ดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

เรือนเพาะชำพลาสติก (Plastichouse) เป็นโรงเรือนที่ใช้วัสดุพลาสติก polyethylene ทำหลังคา สำหรับป้องกันฝนและเพิ่มอุณหภูมิภายในได้บ้าง มีการใช้แพร่หลายมากขึ้นในการผลิตสินค้าทางเกษตรมากกว่าโรงกระจกถึง 3 เท่า โรงเรือนแบบนี้ใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาแล้วคลุมด้วยพลาสติก จึงทำได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายน้อย สำหรับในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงต้องมีการระบายอากาศภายในโรงเรือน จึงจะช่วยลดอุณหภูมิภายในให้ต่ำลงได้ วัสดุที่ใช้ทำหลังคาสามารถใช้วัสดุต่างๆ ได้ เช่น โพลีคาร์บอเนต หรือ ไฟเบอร์กลาส

และยังมี ลักษณะเรือนเพาะชำแบบต่างๆ อีกมากมาย

 

เรียนภาษาเยอรมันแบบสโลไลฟ์เน้นปูฐานความรู้ให้แน่น

ติวตัวต่อตัว_Top-A_tutor1

การเรียนภาษาเยอรมันของนักศึกษาในเมืองไทยพบว่า มีแต่ผู้ที่ใจร้อนต้องการใช้ภาษาเยอรมันให้เป็นในเวลาอันสั้น มักพบเห็นคำถามยอดฮิตในชีวิตจริง ในโลกโซเชียลมีเดีย กับคำถามที่ว่า มีวิธีเรียนลัดภาษาเยอรมันไหม? มีวิธีเรียนภาษาเยอรมันให้เก่งเร็วๆ ไหม ดูคำถามเหล่านี้จะเอาเปรียบโลกแห่งความเป็นจริงมากไปสักหน่อย ความต้องการอันรวดเร็วย่อมเป็นของที่ทุกคนอยากได้ แต่รู้ไหมหนทางลัดเหล่านั้นกลับเป็นยาขมให้กับผู้คนที่คิดมักง่ายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการติวเรียนลัดเพื่อนำไปใช้สอบวัดผลทักษะความชำนาญด้านภาษาเยอรมันก็ตามที ผลจากวิธีทำเช่นนี้ก็มักจะแสดงผลเมื่อถึงเวลาไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศจริงๆ แล้วไม่มีพื้นฐานที่ดีพอย่อมประสบผลสำเร็จในการศึกษาได้ยากมาก ลองมาเรียนภาษาเยอรมันในแบบสโลไลฟ์กันดีกว่า ไม่ต้องเร่งรีบใจร้อนให้มากเกินไป แต่ใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่าปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ภาษาเยอรมันเพื่อปูพื้นฐานความรู้ของเราให้แน่นเพื่อให้ได้ความรู้ภาษาเยอรมันที่แท้จริงและนำไปใช้งานจริงได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด จะมีวิธีอะไรบ้าง ไปดูกัน

ท่องคำศัพท์ภาษาเยอรมันให้ได้เป็นประจำทุกวัน

คำศัพท์เยอรมันจำเป็นอย่างมากนับเป็นพื้นฐานที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ท่องจำคำศัพท์ภาษาเยอรมันให้มากเข้าไว้ ท่องให้แม่นยำเพื่อเป็นฐานต่อไปในการใช้ประกอบกับเงื่อนไขไวยากรณ์ และการผันคำให้เหมาะสมตามเพศของคำได้ถูกต้อง การเร่งรีบใจร้อนทำให้ขาดพื้นฐานข้อนี้ไปอย่างน่าเสียดาย อาจจะสอบได้คะแนนสูงจากการเกร็งข้อสอบก็จริง แต่จะไม่สามารถใช้งานคำศัพท์เหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นชีวิตสโลไลฟ์อย่างเราต้องท่องคำศัพท์อยู่เป็นประจำเสมอ

เสริมจมูกที่ไหนดีแบบประหยัดและปลอดภัย

01

ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะศัลยกรรม เอ๊ย ไม่ใช่ๆ ต้องคนงามเพราะแต่ง แบบนี้ถึงจะถูกตามสำนวนคำพังเพยที่เขาว่ากันมา แต่อันที่จริงก็ใช่อยู่สมัยนี้ถ้าอยากจะงามก็ต้องพึ่งพาศัลยกรรม เพราะการศัลยกรรมสมัยนี้ก้าวหน้ามาก สามารถเนรมิตลูกเป็ดขี้เหร่กลายมาเป็นนางฟ้าได้เลยโดยใช้ระยะเวลาเพียงเดือนเศษ ๆ เท่านั้น

โดยการศัลยกรรมที่ถือได้ว่าทำกันมากที่สุดก็คงต้องยกให้การเสริมจมูก ซึ่งบางคนทำแค่จมูกก็สวยเฉี่ยวคมหรือหล่อบาดใจได้แล้ว ยิ่งสมัยนี้การศัลยกรรมเข้าถึงได้ง่าย มีเงินหลักพันก็เสริมจมูกได้แบบปลอดภัยด้วย  แต่ถ้าใครที่ยังมองหาว่าจะเสริมจมูกที่ไหนดีน๊า  ขอแนะนำเลยค่ะ

ต้องที่นี่  http://www.bcsclinic.com/  ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี ทั้งราคาถูก โดยค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ประมาณหลักพันบาทถึงหลักหมื่นนิดๆเท่านั้นเอง และที่สำคัญเชื่อถือเรื่องความปลอดภัยได้ด้วยการการันตีจากแพทย์ปริญญา แต่ที่ว่าปลอดภัยนั้นก็อาจจะต้องมีบ้างที่จะไม่ได้ทรงที่ต้องการ เพราะหมอจะทำการวิเคราะห์อย่างดีว่าแต่ละคนจะเสริมได้โด่งแค่ไหนซึ่งไม่ทำให้จมูกทะลุ เพราะแน่นอนว่าเนื้อจมูกแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำได้โด่งมากโด่งน้อยก็ย่อมแตกต่างกัน อันนี้หมอจะพิจารณาให้แบบปลอดภัยต่อตัวคุณเอง แต่รับรองไม่ว่าจะโด่งมากโด่งน้อยก็ออกมาดูดีขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องบอกไว้ก่อนว่าคลินิกที่นี่คนมาทำเยอะมาก อาจต้องปรึกษาเรื่องคิวทำดีๆกับทางร้าน โดยอาจโทรสอบถามก่อนก็ได้แต่ยังที่นี่ก็พร้อมให้บริการทุกคนอย่างเต็มที่

ประโยชน์ของโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

เก๋ากี้

เชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้จัก “เก๋ากี้”  แน่เลย เพราะส่วนมากจะรู้จักแต่ชื่อ โกจิเบอร์รี่ ซึ่งแท้จริงแล้วไอ้เจ้าสองชื่อนี้คือชนิดเดียวกันนั้นเอง  http://www.herbalfruits.com/  ได้รู้มาว่าเจ้า เก่ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่  นี้มีประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระด้วยค่ะ  แต่จะต้านอย่างไรนั้นไปอ่านกันเลยค่ะ

โกจิเบอร์รี่ หรืออีกชื่อคือ “เก๋ากี้” เป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักและใช้กันมานานตั้งแต่อดีต มีการบันทึกในประวัติศาสตร์จีนเกือบ 2,000 ปี ที่พบว่ามีการนำผลโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มาใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางยาจีนแผนโบราณ นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่า “โกจิเบอร์รี” เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่มีคุณต่อร่างกาย ผู้คนจึงนิยมกินโกจิเบอร์รีกันเรื่อยมา

  1. ประโยชน์ของโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มากสารอาหารสรรพคุณ อาทิ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 บี 6 มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า โดยเป็นพืชที่มีวิตามินซีสูงเป็นอันดับสอง รองจากคามูเบอร์รี่ มีวิตามินอี มีแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ ได้แก่ เหล็ก สังกะสี ทองแดง แคลเซียม ซิลีเนียม ฟอสฟอรัส และเจอร์มาเนียม ฯลฯ
  2. โกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มีสารโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด คือ LBP-1, LBP-2, LBP-3, LBP-4 ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมีหรือรังสีให้กลับสู่ปกติได้เร็วขึ้น ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอยู่ในภาวะสมดุล ช่วยปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินอยู่ในภาวะสมดุล

 

การทำตาสองชั้นโดยวิธีเจาะรูขนาดเล็ก

FP-PPD-16-1500

ก่อนที่เราจะดูว่าเราควรทำตา 2 ชั้นดีมั้ย เราก็ควรศึกษาก่อนว่าการทำตาสองชั้นนั้นมีวิธีการอย่างไร และมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะหากตัดสินใจผิดพลาดไป โอกาสที่ชั้นตาจะออกมาไม่สวยหรือชั้นตาไม่เท่ากันก็มีอยู่สูงมากทีเดียว ขอเสนอวิธีการทำตา 2 ชั้นแบบ The Short Incision Technic Upper Blepharoplasty หรือเรียกง่ายๆ ว่าการทำตาสองชั้น โดยการเจาะรูขนาดเล็ก แผลขนาดเล็ก เพื่อป็นทางเลือกให้หนุ่มตี๋สาวหมวย

การทำตา 2 ชั้น โดยการเจาะรูขนาดเล็ก (The Short Incision Technic Upper Blepharoplasty)

วิธีนี้เป็นทางเลือกที่ 3 ให้แก่ผู้ที่ต้องการทำตาสองชั้น และวิธีนี้ได้ถูกคิดค้นจากแพทย์ไทยภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และเริ่มทดลองทำครั้งแรกในปี พ.ศ.2530 วิธีนี้เป็นการนำ “ข้อดี” ของการทำตาสองชั้นของ 2 วิธีข้างต้นมาปรับใช้ผสมผสานตามความเหมาะสม โดยวิธีนี้จะเจาะรูเล็กๆ และเข้าไปเย็บเหมือนเป็นการพับผ้าโดยที่ไม่ต้องตัดหนังออก ทำให้แผลเล็ก อีกทั้งวิธีนี้ยังเป็นการทำตาสองชั้นแบบถาวร เพราะหลังจากทำการผ่าตัดมาแล้วเป็นสิบปี ชั้นที่ทำไว้ก็ยังคงอยู่สวยงาม เนื่องจากเป็นวิธีที่ถูกคิดค้น โดยแพทย์ชาวไทยทำให้ปัจจุบันนี้แพทย์ชาวต่างชาติเริ่มให้การยอมรับและมีความสนใจที่จะเข้ามาศึกษา เพราะนับว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมการทำตาสองชั้นของโลก

ข้อดีของการทำตา 2 ชั้น โดยการเจาะรูขนาดเล็ก (Short Incision Technic)

แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก แผลเป็นเล็กมากจนแทบจะมองไม่เห็น (Invisible Scar) หลังจากทำการผ่าตัดแล้ว มีอาการบวมน้อย ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงสามารถทำงานได้ตามปกติ สามารถล็อคชั้นหนังตาให้อยู่ได้แบบถาวร เย็บเพื่อปิดแผลเพียง 2-3 จุด และสามารถกลับมาตัดไหมได้ภายใน 48 ชั่วโมง