ในทุกวันนี้การใช้จ่ายเงินถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็เป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่าเงินตราในยุคปัจจุบันนี้แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ 1.เหรียญ 2.แบงค์ วันนี้เราจึงจะพูดถึงการใช้เงินประเภทธนาบัตรหรือแบงค์นั้นเอง การที่เรามีแบงค์ใช้นั้นก็มิใช่ว่าจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติมแต่อย่างไร อันที่จริงแล้วจะมีการผลิตแบงค์ออกมาจากโรงงานของรัฐบาลมาเรื่อยตามรอบอายุของแบงค์นั่นเอง
แบงค์ผลิตยังไงหว่า
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นการใช้ธนาบัตรนั้นก็ต้องการชำรุดเป็นธรรมดาจึงต้องมีการผลิตเพิ่มเติมจากโรงงานของรัฐบาลโดยการก่อสร้างโรงงานผลิตธนาบัตรนั้นจะมีแต่รัฐเพียงผู้เดียวที่ผลิตได้วันนี้จึงพาท่านผู้อ่านไปทราบถึงการผลิตธนาบัตร โดยการผลิตธนาบัตรจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.การพิมพ์สีพื้น 2.การพิมพ์เส้นนูน 3.การพิมพ์เลขหมายและลายเซ็น ซึ่งจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ เริ่มจากกระดาษที่เป็นสีขาวก็จะเริ่มจากการพิมพ์สีพื้นโดยจะใช้เครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ภาพได้ทั้งสองด้านในเวลาเดียวกัน จึงทำให้บางส่วนของลวดลายที่ตั้งใจออกแบบไว้ในตำแหน่งเดียวกันของทั้ง 2 ด้านซ้อนทับกันสนิท หรือประกอบขึ้นเป็นลวดลายที่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงอย่างหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะส่งเข้าไปพิมพ์เส้นนูน ซึ่งจะเป็นการพิมพ์ภาพและลวดลายต่างๆ ด้วยเครื่องพิมพ์แบบพิเศษที่ใช้แรงกดพิมพ์สูงและหมึกพิมพ์ซึ่งมีความเหนื่อยหนึดสูง เพื่อทำให้หมึกพิมพ์กองนูนแบบผิวกระดาษจึงทำให้ได้รายละเอียดและความอิ่มตัวของสีสูง แล้วจึงส่งไปยังขั้นตอนสุดท้ายก็คือการพิมพ์เลขหมายและลายเซ็น ซึ่งการพิมพ์ภาพและลวดลายสีพื้นและเส้นนูนแล้ว จะผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด เพื่อคัดแยกธนบัตรที่มีข้อบกพร่องออกไปทำลาย ส่วนธนบัตรที่มีคุณภาพตามมาตรฐานจะส่งไปพิมพ์เลขหมายและลายเซ็นต่อไป ซึ่งการพิมพ์เลขหมายและลายเซ็นใช้การพิมพ์เลตเตอร์เพรสส์เพื่อควบคุมจำนวนธนบัตรออกใช้ โดยเครื่องพิมพ์จะมีระบบควบคุมและตรวจสอบการเปลี่ยนเลขหมายในแต่ละรอบการพิมพ์
ฉะนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าการที่ธนาบัตรถูกผลิตจากโรงงานเป็นรอบการผลิตเพื่อนำมาทนแทนธนาบัตรที่ถูกนำมาใช้ก่อนหน้านี้แล้วเกิดการชำรุดเสียหายนั่นเอง